Final Fantasy Pixel Remaster ยอดขายดีแรงทะลุ 3 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลก

อีกหนึ่งเกมที่สามารถทำยอดขายได้ถล่มทลายตั้งแต่ช่วงแรกที่เปิดตัวกับซีรี่ส์ชุด Final Fantasy Pixel Remaster ที่ในตอนนี้ทำสถิติสุดปังขายกระจายรวมกันไปแล้วเกิน 3 ล้านชุดทั่วโลกนับตั้งแต่ไฟนอลแฟนตาซีภาคหนึ่งเปิดให้บริการบนระบบมือถือ iOS, ระบบมือถือ Android และเครื่องพีซี แต่ที่ปังยิ่งกว่านั้นก็คือตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ทางค่าย Square Enix ได้เผยว่าทั้ง 6 ภาคของไฟนอลแฟนตาซีฉบับรีมาสเตอร์กลับขายแรงทะลุนรกกว่าที่ผ่านมา เพราะสามารถทำยอดขายรวมกันไปแล้วกว่า 2 ล้านยูนิต และถ้าใครอยากรู้ว่าแพ็กเกจทั้งหมดของตัวเกมไฟนอลแฟนตาซีจะมีเนื้อเรื่องภาคไหนให้เลือกเล่นบ้าง คงต้องมาลองสัมผัสด้วยตัวเองเพราะมีตั้งแต่ภาคแรกยาวไปยันภาคที่หก

กราฟิกสวยงามที่ดูดีในสไตล์คลาสสิก

ภาพในไฟนอลแฟนตาซีพิกเซลรีมาสเตอร์เป็นการหยิบยกเอาต้นฉบับที่ออกบน Famicom และ Super Famicom ที่เป็นกราฟิกแบบ 8Bit และ 16Bit ที่ยังใช้พิกเซลอยู่ แต่ได้ปรับให้มีความคมชัดขึ้นและเปลี่ยนสัดส่วนหน้าจอให้เข้ากับยุคสมัย และยังเพิ่มความกว้างของฉากเข้าไปด้วย ซึ่งจุดนี้แฟนเกมยุคใหม่ที่ไม่เคยเล่นภาคก่อนอาจจะมองว่ามันเชยไปแล้ว และสำหรับ 3 ภาคแรกถือว่าเปลี่ยนไปเยอะกว่า เพราะเป็นการปรับจาก 8Bit เปลี่ยนเป็น 16Bit ทำให้มันดูดีกว่าเดิมมาก แต่หากมองที่เจตนาของผู้สร้างที่ต้องการนำความคลาสสิกของยุคปี 80–90 กลับมาให้แฟนรุ่นเก่าได้สัมผัสอีกครั้ง คุณจะเข้าใจว่าทำไมต้องทำภาพแบบนี้ และใครอยากเล่นแบบกราฟิกสวยๆ แนะนำให้ไปหาภาคบนสมาร์ตโฟนที่ปรับภาพใหม่หมดมาเล่นน่าจะดีกว่า

เกมเพลย์ทันสมัยที่ยังคงความสนุกไว้เหมือนเดิม

รูปแบบการเล่นส่วนใหญ่จะเหมือนเดิมที่มาในรูปแบบอาร์พีจีเทิร์นเบส โดยจะมีมุมกล้องแบบ 2 มิติทั้ง 6 เกม เพราะมันอยู่บนคอนโซลยุคเก่า ชที่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้รวมทั้งฉากแผนที่เหมือนกับเกมแนวเจอาร์พีจียอดนิยมในยุคนั้น ซึ่งเกมเพลย์ส่วนใหญ่คือของเดิมที่เล่นเข้าใจง่ายแม้ว่ามันจะดูเชยไปหน่อย อย่างไรก็ตามมันก็เป็นแนวทางเหมือนกับกราฟิกที่เน้นทำมาเอาใจคนที่ชอบอะไรเดิมๆ แต่มันก็ไม่ได้ดูเชยเพราะปรับสมดุลเกมเพลย์เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย เพราะทุกภาคเราสามารถกดวิ่งได้ตั้งแต่ต้นไม่ต้องใช้สกิลหรือไอเทมช่วยแล้ว

รวมฮิตตำนานไฟนอลแฟนตาซี

หากพูดถึงเกมทั้งหกภาคที่เอามายำรวมขายใหม่ ก็อาจจะต้องเริ่มจากไฟนอลแฟนตาซีภาคแรกบนเครื่องเล่น Famicom ซึ่งแม้จะยังไม่มีอะไรมาก แต่ก็มีระบบอาชีพให้ใช้งาน รวมทั้งเกมเพลย์ที่เรียบง่ายคาถาที่โดดเด่นทำให้มันเป็นที่รู้จัก จากนั้นภาคสองก็เริ่มมีการใส่เรื่องราวที่เข้มข้นกว่าเดิม แม้ว่าเราจะเลือกเปลี่ยนอาชีพไม่ได้ แต่ตัวละครในเกมก็จะมีความสามารถตามอาชีพมาให้เลือกใช้แทน และในส่วนภาคสามจะโดดเด่นที่สุด เพราะมีการกลับมาของระบบอาชีพที่เพิ่มมาให้เลือกมากมายและเปลี่ยนได้ตลอด แถมยังมาพร้อมกับโลกกว้างให้สำรวจมากกว่าเดิม